ชุดช้อนส้อม กินข้าว สำหรับเด็กเล็ก ทำจากพลาสติก เกรด BPA free น่ารักมากๆ DY1306
ชุดช้อนส้อม กินข้าว สำหรับเด็กเล็ก ทำจากพลาสติก เกรด BPA free น่ารักมากๆ
ข้อควรระวัง !!
ห้ามเข้าไมโครเวฟ
โปรดหลีกเลี่ยงการเก็บในที่ที่โดนแดดแรง
ไขข้อสงสัย ! BPA Free คืออะไรกันนะ
เชื่อว่ามีหลายๆคน ที่เคยเห็นสัญลักษณ์ตามภาชนะใส่อาหาร ขวดน้ำ หรือว่าได้ยินชื่อกันมาบ้าง สำหรับ “BPA Free” ที่ฟังผ่านๆก็อาจจะไม่รู้ว่าจริงๆแล้ว สิ่งที่เราได้ยินและคุ้นหูอยู่นี้มันคืออะไรกันแน่ เราเลยได้ไปทำการรวบรวมข้อมูลเพื่อนำสาระความรู้ดีๆมาฝากทุกคนกัน ซึ่ง “BPA Free” คืออะไร มีประโยชน์อย่างไรวันนี้จะมาไขข้อสงสัยให้ทุกคนได้รับรู้ไปพร้อมๆกันเลย
BPA คืออะไร ?
ก่อนที่จะทำความรู้จักกับ BPA Free นั้น เริ่มแรกต้องรู้ก่อนว่า BPA คืออะไร?
BPA ย่อมาจาก Bisphenol A เป็นสารเคมีประเภทโพลีคาร์บอเนต (Polycarbonate Plastic) เป็นวัตถุดิบสำคัญที่นำมาใช้ในการผลิตพลาสติก เช่น ถ้วยพลาสติก ชามพลาสติก ขวดน้ำพลาสติก เป็นต้น BPA มีคุณสมบัติช่วยให้ผลิตภัณฑ์พลาสติกมีความแข็งแรง ใส ไม่แตกง่าย แต่ข้อเสียคือ BPA เป็นสารก่อมะเร็งและสร้างความผิดปกติให้กับเซลล์ในร่างกาย หากผลิตภัณฑ์พลาสติกพวกนี้โดนความร้อน จากการต้ม นึ่ง สเตอริไลซ์ หรือการตากแดดเป็นเวลานาน สาร BPA ในผลิตภัณฑ์พลาสติกก็จะหลุดออกมาปะปนกับอาหารที่บรรจุอยู่ในภาชนะนั้น ซึ่งหากบริโภคอาหารเหล่านั้นเข้าไป อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้บริโภค
สาเหตุที่ใช้สาร BPA ในภาชนะบรรจุอาหาร
สาเหตุที่เมื่อก่อนนิยมใช้สาร BPA หรือ Bisphenol A ในภาชนะบรรจุอาหาร เป็นเพราะว่า BPA เป็นสารเคมีอุตสาหกรรมที่ใช้ตั้งต้นในการผลิตพลาสติกและเรซินบางชนิด ตั้งแต่ทศวรรษที่ 1960 โดยมีนักเคมีพบว่ามันสามารถนำมาผสมกับสารประกอบอื่นๆได้ เพื่อผลิตพลาสติกที่มีความแข็งแรง และสามารถยืดหยุ่นได้มากกว่า พบได้ในพลาสติกโพลีคาร์บอเนตและเรซินอีพ็อกซี่ โดยพลาสติกที่มีสาร BPA นั้นถูกนำไปใช้ในภาชนะบรรจุอาหาร ขวดนม และสิ่งของอื่นๆ นอกจากนี้ BPA ยังถูกนำไปใช้เป็นเยื่อบุด้านในของภาชนะบรรจุอาหารกระป๋องเพื่อป้องกันการสึกหรอและกัดกร่อนอีกด้วย
อันตรายของสาร BPA เมื่อเข้าสู่ร่างกาย
สาร BPA ที่ปนเปื้อนมากับผลิตภัณฑ์พลาสติกและอาหารส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้บริโภคทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ ซึ่งเด็กทารกที่ได้รับสาร BPA สะสมเข้าสู่ร่างกาย จะส่งผลกระทบที่รุนแรงกว่าในผู้ใหญ่ ซึ่งจะส่งผลต่อร่างกายดังนี้
อันตรายต่อเด็ก
หากเด็กได้รับสาร BPA เข้าสู่ร่างกาย จะส่งผลต่อการสร้างเซลล์สมอง ระบบประสาท ความทรงจำและการเรียนรู้ของเด็ก
มีผลต่อฮอร์โมนการเจริญเติบโต และการสืบพันธุ์ ทำให้เด็กเป็นหนุ่มเป็นสาวเร็วเกินไป รวมถึงเด็กมีแนวโน้มที่อาจจะเป็นโรคอ้วน และไฮเปอร์แอคทีฟหรือที่เราเรียกกันว่าโรคสมาธิสั้น ก่อให้เกิดความเสี่ยงโรคเบาหวาน และโรคหัวใจ ยิ่งสะสมในร่างกายมากเท่าใด ก็จะยิ่งไปลดศักยภาพการทำงานของร่างกายมากขึ้น
อันตรายต่อผู้ใหญ่
ในหญิงตั้งครรภ์ หากได้รับสาร BPA จะส่งผลต่อการเจริญเติบโตของตัวอ่อนและมีความเสี่ยงในการแท้ง ซึ่งความผิดปกติของโครโมโซมที่เกิดขึ้น อาจทำให้เด็กที่เกิดมามีโอกาสเป็นโรคดาวน์ซินโดรม และไฮเปอร์แอคทีฟ
ในผู้หญิงที่ได้รับสาร BPA อาจทำให้ความสามารถในการปฏิสนธิของไข่ลดลง ส่งผลกระทบต่อการทำงานของต่อมไทรอยด์และเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเต้านม
ผู้ชายที่ได้รับสาร BPA อาจทำให้สมรรถภาพทางเพศลดลง DNA ในสเปิร์มถูกทำลาย ส่งผลให้จำนวนและการเคลื่อนไหวของสเปิร์มลดลง รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก
ผลข้างเคียงของการสัมผัส BPA
สัมผัสทางการหายใจ
การหายใจเข้าไปจะก่อให้เกิดการระคายเคือง และไอ ผู้ที่ทำการใช้สารในระดับประมาณ 240 มิลลิกรัม เป็นเวลา 1-2 ชั่วโมง ทำให้รู้สึกมีรสชาติขม คลื่นไส้ และปวดศีรษะ
สัมผัสทางผิวหนัง
การสัมผัสสารถูกผิวหนังจะก่อให้เกิดการระคายเคืองเล็กน้อย การสัมผัสสารติดต่อกันเป็นเวลานานทำให้เป็นโรคผิวหนัง เป็นผื่นแดง คัน และบวม
กินหรือกลืนเข้าไป
การกลืนหรือกินเข้าไปจะก่อให้เกิดการระคายเคืองในปากและทางเดินอาหาร แต่ไม่มีพิษต่อร่างกาย ถ้าได้รับสารในปริมาณมาก มีผลกระทบต่อระบบประสาทส่วนกลาง เช่นมีอาการคลื่นไส้ ปวดศีรษะ วิงเวียน และอาเจียน
สัมผัสถูกดวงตา
การสัมผัสถูกดวงตาจะก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อตา
สามารถหลีกเลี่ยงสาร BPA ได้อย่างไรบ้าง
1.เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสัญลักษณ์ BPA Free
ไม่ว่าจะเป็นขวดนม ขวดน้ำ หรือผลิตภัณฑ์พลาสติกอื่นๆ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีสัญลักษณ์ BPA Free กำกับไว้บนฉลาก
2.หลีกเลี่ยงการใช้พลาสติกที่มีเครื่องหมายรีไซเคิลที่ระบุหมายเลข 3 (PVC) และหมายเลข 7 (Other)
บนฉลากของผลิตภัณฑ์พลาสติกบางผลิตภัณฑ์ จะมีสัญลักษณ์กำกับไว้ว่าพลาสติกนั้น ๆ สามารถนำมารีไซเคิลได้หรือไม่ โดยสัญลักษณ์รีไซเคิลจะมีหมายเลข 1-7 กำกับไว้ว่าผลิตภัณฑ์นั้นเป็นพลาสติกประเภทใด ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงการใช้พลาสติกที่มีเครื่องหมายรีไซเคิล หมายเลข 3 และหมายเลข 7 เนื่องจากในพลาสติกสองประเภทนี้มีสาร BPA เมื่อพลาสติกเหล่านี้โดนความร้อน จะทำให้เกิดสารปนเปื้อนมากับภาชนะนั้นๆได้
3. หลีกเลี่ยงการอุ่นอาหารในภาชนะพลาสติก
ไม่ควรนำภาชนะพลาสติกที่ไม่ได้ระบุว่าใช้ซ้ำได้มาเป็นภาชนะในการอุ่นอาหาร และไม่ควรนำภาชนะพลาสติกเข้าไมโครเวฟ เนื่องจากเมื่อภาชนะนั้นๆโดนความร้อนจะทำให้สาร BPA ที่อยู่ในภาชนะ ปนเปื้อนออกมากับอาหารที่บรรจุอยู่ในภาชนะนั้นได้ จึงขอแนะนำว่าให้ใช้ภาชนะพลาสติกสำหรับเข้าไมโครเวฟโดยเฉพาะเท่านั้น